เฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณไม่ใช่เพียงของใช้ในบ้าน แต่ยังเป็นงานศิลป์และมรดกที่มีมูลค่าทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์และจิตใจ การรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ยาวนาน จึงต้องใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ ต่อไปนี้คือ 5 เรื่องสำคัญที่เจ้าของควรรู้เพื่อถนอมสมบัติล้ำค่าให้อยู่คู่บ้านไปนาน ๆ
1️⃣ หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง
แสงแดดและรังสี UV สามารถทำลายเนื้อไม้ได้ทั้งสีผิวและความชื้น การตั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณไว้ในจุดที่โดนแดดส่องโดยตรงจะทำให้เนื้อไม้แห้ง แตก ลอก และสีซีดจางลงอย่างรวดเร็ว ควรเลือกตำแหน่งที่มีแสงธรรมชาติแบบอ่อน หรือใช้ผ้าม่านกรองแสงเพื่อป้องกันไม่ให้แสงทำร้ายเนื้อไม้
2️⃣ ควบคุมความชื้นในห้อง
เฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณไวต่อความชื้นมาก หากความชื้นในอากาศสูงเกินไปจะทำให้ไม้พองตัวขึ้นและมีเชื้อราหรือปลวก หากความชื้นต่ำเกินไปจะทำให้ไม้หดตัวและแตก ควรรักษาระดับความชื้นในห้องให้อยู่ที่ประมาณ 45-55% เพื่อคงความสมดุลของไม้ การใช้เครื่องควบคุมความชื้นในห้อง (humidifier/dehumidifier) จึงเป็นตัวช่วยสำคัญ
3️⃣ ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน
การเช็ดฝุ่นเป็นประจำช่วยรักษาความสะอาดของเฟอร์นิเจอร์ แต่ควรใช้ผ้านุ่มแห้งหรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หลีกเลี่ยงการใช้ผงขัดหรือผลิตภัณฑ์เคมีที่มีฤทธิ์รุนแรง เพราะอาจกัดผิวไม้หรือทำลายชั้นเคลือบเงา สำหรับคราบฝังแน่นควรใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับงานไม้โบราณ
4️⃣ ลงน้ำมันหรือแว็กซ์อย่างเหมาะสม
เฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณบางชิ้นต้องการการบำรุงด้วยน้ำมันหรือน้ำยาแว็กซ์เพื่อคงความชุ่มชื้นและเพิ่มความเงางาม แต่ต้องเลือกสูตรที่เหมาะสมกับชนิดไม้ เช่น ไม้สัก ไม้มะฮอกกานี หรือไม้โอ๊ค อย่าลงน้ำมันบ่อยเกินไปเพราะอาจทำให้เหนียวและดักฝุ่น ควรลงน้ำยาไม่เกินปีละ 1-2 ครั้ง
5️⃣ ระวังแมลงและปลวก
เฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณมักตกเป็นเป้าหมายของปลวก มอดไม้ และแมลงกินเนื้อไม้ หากพบรูพรุน หรือเศษผงไม้หล่นใต้เฟอร์นิเจอร์ควรรีบตรวจสอบทันที การใช้น้ำยาป้องกันปลวก หมั่นตรวจเช็กสภาพเป็นประจำ และควบคุมความสะอาดของพื้นที่รอบ ๆ ช่วยลดความเสี่ยงจากแมลงเหล่านี้ได้
สรุป
การดูแลเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่เมื่อทำถูกวิธี เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นก็จะคงความงามดั้งเดิม และมูลค่าทางจิตใจให้อยู่กับเรานานนับสิบ ๆ ปี นี่จึงไม่ใช่เพียงการดูแล แต่คือการสืบทอดงานศิลปะในยุคสมัย